Home > Publication & Database

CMRI Publication

เอกสารเผยแพร่

Financial Literacy, Investment Behavior and Risk Perception of Financial Assets in Different Generations

Navarat Temsumrit, Ph.D.

23 Mar 2023
SHARE

Abstract

การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินในปัจจุบันมีความหลากหลาย ทั้งในด้านรูปแบบสินทรัพย์ทาง การเงินและระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องต่างๆ ปัจจัยแวดล้อมและตัวกำหนดการลงทุนดังกล่าวมีความซับซ้อน และผลตอบแทนจากการลงทุนมีความผันผวนสูง ซึ่งกองทุนส่งเสริมพัฒนาตลาดทุน (CMDF) ได้เล็งเห็นถึง ความสำคัญของประเด็นดังกล่าวจึงได้มอบหมายให้คณะผู้วิจัย ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ดำเนินโครงการทักษะทางการงานพฤติกรรมการลงทุนและการรับรู้ความเสี่ยง ในการลงทุนสินทรัพย์ทางการเงินของประชากรในแต่ละช่วงวัย เพื่อเป็นการศึกษาถึงทักษะทางการเงิน ทัศนคติด้านความเสี่ยงที่มีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน รวมไปถึงการศึกษาการรับรู้ความเสี่ยง และพฤติกรรมการลงทุนที่ตอบสนองต่อผลตอบแทนและความเสี่ยงจากการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน ประเภทต่างๆ ของประชากรในแต่ละช่วงวัย


Research Bites

ภาพรวมและพฤติกรรมการลงทุนของคนไทย

จากการศึกษาพบว่า นักลงทุนไทยส่วนใหญ่มีความรู้ทางการเงินในระดับปานกลาง แม้จะเข้าใจเรื่องพื้นฐานอย่างการเปรียบเทียบมูลค่าเงินในปัจจุบันและอนาคตหรือการคำนวณอัตราดอกเบี้ยได้ถูกต้อง แต่ยังมีข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการกระจายความเสี่ยงและกฎเกณฑ์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับการลงทุนในตราสารทุน เงินฝาก ตราสารหนี้ และทองคำ ขณะเดียวกันก็ยอมรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้ในระดับ 10–30% ของเงินลงทุน ซึ่งสะท้อนความพร้อมที่จะลงทุนในระดับหนึ่ง แต่ยังต้องการข้อมูลและการสื่อสารที่ชัดเจนในการตัดสินใจลงทุน

กลุ่ม Baby Boomers มีความรู้ทางการเงินสูงกว่าช่วงวัยอื่น และยังคงเลือกลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่างพันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้นกู้ที่มีการกำกับดูแลชัดเจน แม้จะอยู่ในช่วงวัยที่ใกล้เกษียณ แต่ยังคงแสดงให้เห็นถึงการยอมรับความเสี่ยงได้มากกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งสะท้อนถึงการใช้ประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาในการจัดการพอร์ตการลงทุนและการกระจายความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

ในขณะที่ Generation X ถือเป็นกลุ่มนักลงทุนวัยทำงานที่มีประสบการณ์ การศึกษาพบว่ากลุ่มนี้มีทัศนคติด้านการลงทุนที่ค่อนข้างดี เปิดรับความเสี่ยงได้พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อมีรายได้ครอบครัวในระดับสูงหรือต่ำมาก แต่หากมีรายได้อยู่ในระดับปานกลางมักจะลงทุนอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ยังเห็นความสำคัญของการติดตามผลตอบแทนและประเมินพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ ทำให้พฤติกรรมการลงทุนของกลุ่มนี้มีลักษณะค่อนข้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและความมั่นคง

สำหรับ Generation Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในตลาดทุนไทย พบว่ามีการยอมรับความเสี่ยงในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น แม้จะพร้อมลงทุน แต่ก็มักเลือกการลงทุนที่กระจายพอร์ตและค่อนข้างระมัดระวัง แต่มีจุดที่น่าสนใจคือ กลุ่มนี้มีสัดส่วนการกู้เงินเพื่อลงทุนสูงที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ที่ไม่เกิน 20% ของเงินลงทุนทั้งหมด พฤติกรรมเช่นนี้อาจส่งผลต่อภาระหนี้ของครัวเรือนและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว จึงเป็นกลุ่มที่ควรได้รับการส่งเสริมความรู้และวินัยทางการเงินเป็นพิเศษ

ด้าน Generation Z แม้จะยังมีอายุน้อยและหลายคนยังอยู่ในวัยเรียน แต่กลับสนใจเข้าสู่ตลาดการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าถึงง่ายและสอดคล้องกับความคุ้นเคยด้านเทคโนโลยี พฤติกรรมของกลุ่มนี้มีลักษณะเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองสูงจนเกินไป และมักลงทุนโดยไม่กระจายความเสี่ยง ทำให้มีความเปราะบางต่อความผันผวนของตลาด ยิ่งไปกว่านั้น บางส่วนยังมีการกู้เงินเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงต่อสถานะการเงินในอนาคต

กล่าวโดยสรุป ภาพรวมของนักลงทุนไทยสะท้อนให้เห็นว่าแต่ละ Generation มีพฤติกรรมการลงทุนและทัศนคติที่แตกต่างกัน กลุ่มที่อายุมากกว่ามีความรู้ทางการเงินสูงและใช้ประสบการณ์ช่วยลดความเสี่ยง ขณะที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z มีความกระตือรือร้นและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ยังขาดความเข้าใจเชิงลึกและมีความมั่นใจเกินจริง การสร้างองค์ความรู้ที่เจาะจงและเหมาะสมกับแต่ละรุ่นจึงมีความสำคัญ เพื่อช่วยให้นักลงทุนทุกวัยสามารถจัดการความเสี่ยงและวางแผนการเงินได้อย่างมั่นคงในระยะยาว


ความเสี่ยง & สินทรัพย์ดิจิทัล และข้อเสนอเชิงนโยบาย

แม้นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังคงคุ้นเคยกับตราสารแบบดั้งเดิม แต่การเติบโตของเทคโนโลยีทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลทำให้พฤติกรรมการลงทุนเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน การศึกษาพบว่านักลงทุนจำนวนมากเริ่มสนใจคริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล เนื่องจากมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่เข้าถึงง่าย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง และสอดคล้องกับแนวโน้มการเงินยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอ โดยเฉพาะด้านกฎเกณฑ์ กฎหมาย และความผันผวนของราคาที่สูงเกินกว่าจะมองข้ามได้

เมื่อต้องเผชิญความเสี่ยง นักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยอมรับการขาดทุนได้เพียงบางส่วน โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดูเหมือนจะถูกยอมรับได้มากที่สุด ขณะที่ความเสี่ยงจากตราสารอนุพันธ์และสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงเป็นสิ่งที่สร้างความกังวล การรับรู้ความเสี่ยงที่ต่างกันนี้ทำให้เห็นชัดเจนว่าการลงทุนในยุคใหม่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสสร้างผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงความรู้ความเข้าใจและทักษะในการบริหารความเสี่ยงด้วย

อีกประเด็นที่สำคัญคือเรื่องของภาษีและการกำกับดูแล หากมีการจัดเก็บภาษีจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนบางส่วนมีแนวโน้มจะย้ายไปใช้แพลตฟอร์มต่างประเทศที่ไม่ถูกควบคุม ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนและกระทบต่อระบบการกำกับในประเทศ ดังนั้น การออกแบบมาตรการที่สมดุลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถกำกับดูแลได้โดยไม่ทำลายแรงจูงใจของนักลงทุน

ข้อเสนอเชิงนโยบายที่สะท้อนจากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ควรมีการส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการลงทุนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา เพื่อสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและลดความเปราะบางของนักลงทุนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการกำหนดเกณฑ์การกู้ยืมเพื่อลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้ครัวเรือนในอนาคต นอกจากนี้ การพัฒนากองทุนที่สามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้สัดส่วนที่เหมาะสม เช่น ไม่เกินร้อยละ 30 ของพอร์ตการลงทุน จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์รูปแบบใหม่โดยไม่เสี่ยงเกินไป

ท้ายที่สุด ประเด็นเรื่อง ESG และการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลก็เป็นอีกหนึ่งทิศทางที่นักลงทุนไทยควรให้ความสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงในระยะยาว แต่ยังเป็นการยกระดับตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างความรู้ ความเข้าใจในความเสี่ยง และการสนับสนุนนโยบายที่เหมาะสม จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนไทยปรับตัวเข้าสู่โลกการเงินใหม่ได้อย่างมั่นคงและสมดุล