Anantachoke Osangthammanont, Ph.D.
ในปัจจุบัน การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประชาชนไทยยังคงกระจุกตัวอยู่ในบางกลุ่มเท่านั้น สัดส่วนจำนวนนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีน้อยมากเพียงร้อยละ 7.5 ของประชากรวัยทำงานทั้งหมด สาเหตุที่ทำให้ความต้องการลงทุนในตลาดทุนน้อย ได้แก่ (1) การขาดรายได้หรือมีรายได้ไม่แน่นอน (2) การขาดความรู้ความเข้าใจ และทักษะการลงทุน การขาดทัศนคติทางการเงินที่ดี และการไม่ทราบช่องทางการเข้าถึงตลาดทุน (3) ความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ในตลาดทุนต่างประเทศ และ (4) กฎระเบียบการเข้าถึงตลาดทุนที่มีข้อจำกัดกำหนดประเภทผู้ลงทุน ในส่วนของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็เข้ามามีบทบาทในการให้บริการทางการเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ส่งผลให้ประชาชนจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์และป้องกันภัยที่เกิดจากบริการทางการเงินหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ นอกจากนี้ ประชาคมโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ต่อประชากรไทย ดังนั้น ประชาชนไทยจะต้องมีสมรรถนะทางการเงินหรือความรู้ทางการเงินและการลงทุน และทักษะทางการเงินดิจิทัลและการเงินเพื่อความยั่งยืนอย่างเพียงพอที่จะสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงิน ทั้งจากการออมและการลงทุน พฤติกรรมทางการเงินที่เหมาะสม ลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น และสามารถใช้ประโยชน์และป้องกันภัยจากการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการเงินและผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (มูลนิธิ สวค.) จึงเห็นควรให้มีโครงการศึกษาเพื่อจัดทำกรอบสมรรถนะทางการเงิน และกรอบสมรรถนะทางการลงทุนพร้อมทักษะทางการเงินดิจิทัล และการเงินเพื่อความยั่งยืนที่เป็นมาตรฐานสำหรับการให้ความรู้ทางการเงินและการลงทุนของหน่วยงานส่งเสริมที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างความมั่นคงทางการเงินของประชาชนชาวไทยทุกกลุ่ม และการพัฒนาตลาดทุนให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไปได้ นอกจากนี้ยังต้องเข้าใจและคำนึงถึงปัจจัยด้านความยั่งยืนเมื่อทำการตัดสินใจทั้งทางด้านการเงินและการลงทุน