รายงานฉบับนี้สรุปผลการทบทวนประเด็นปัญหาจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) พบว่า ตลาดตราสารหนี้เป็นกลไกสำคัญในการระดมทุนของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังเป็นแหล่งลงทุนที่มั่นคงของผู้ลงทุน โดยตลาดตราสารหนี้ไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง มูลค่าคงค้างปี 2567 อยู่ที่ 17.1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนปัญหาที่ได้รับฟังจากผู้มีส่วนได้เสียในตลาด รวม 19 ประเด็น พบว่า ตลาดตราสารหนี้ไทยยังเผชิญข้อจำกัด 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านกฎระเบียบ ด้านการปฏิบัติงาน และด้านนโยบาย
แม้ตลาดตราสารหนี้ไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีช่องว่างที่ควรได้รับการพัฒนา โดยการปรับปรุงกฎเกณฑ์ กระบวนงาน และนโยบายที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในระยะยาว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “คราวด์ฟันดิง” (Crowdfunding) ได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะช่องทางระดมทุนทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการ โดยในตลาดทุนไทยก็มีการใช้ออก หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ซึ่งก็คือ การออกตราสารหนี้ (Bond) โดยใช้ระบบแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นตัวกลางให้ประชาชนทั่วไปหรือผู้ลงทุนบางกลุ่มซื้อ อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงมักมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นกู้ทั่วไป เนื่องจากเป็นการระดมทุนจากกิจการขนาดเล็กหรือกิจการเริ่มต้น (Start-up) ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และในหลายกรณีไม่มี “ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้” (Bondholders’ Representative) มาดูแลผลประโยชน์ของผู้ลงทุน ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือ หากผู้ออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผิดนัดชำระหนี้ ผู้ลงทุนรายย่อยมักไม่มีทั้งความรู้ ความพร้อม และเครื่องมือในการดำเนินการเรียกร้องสิทธิ ทำให้โอกาสที่จะได้รับเงินคืนลดลงมาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนประเภทนี้ถดถอย
จากการศึกษาของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) ภายใต้โครงการทบทวนกฎเกณฑ์ตลาดทุน พบว่ากฎหมายและประกาศปัจจุบันยังมีช่องว่างในประเด็นการดูแลผู้ลงทุนรายย่อยในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ข้อเสนอปรับปรุง จากการศึกษาของคณะทำงาน คือ ควร เพิ่มบทบาทและหน้าที่ของผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง (Funding Portal) ให้ไม่ใช่เป็นเพียงผู้เชื่อมต่อผู้ลงทุนกับผู้ออกตราสารเท่านั้น แต่ยังสามารถ จัดตั้งและบริหาร “กองทุนฉุกเฉิน” (Contingency/Provision Fund) เพื่อช่วยเหลือผู้ลงทุนในกรณีที่ผู้ออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผิดนัดชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ เงินกองทุนดังกล่าวจะใช้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในการดำเนินคดีเพื่อบังคับชำระหนี้ แต่ไม่ครอบคลุมการจ่ายชดเชยความเสียหายจากการผิดนัดชำระหนี้แก่ผู้ลงทุนรายย่อย หรือค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดี
ข้อเสนอนี้ต้องการให้ปรับปรุงแก้ไขประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 21/2562 โดยเพิ่มรายละเอียดในข้อ 47 (5) ให้รองรับการตั้งกองทุนฉุกเฉินในลักษณะดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนรายย่อยและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมด ขณะเดียวกัน ยังเป็นการสร้างมาตรฐานการกำกับดูแล Funding Portal ให้มีความรับผิดชอบต่อผู้ลงทุนมากขึ้น และมีบทบาทเสมือน “ตัวกลาง” ที่คอยประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ออกหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
การคุ้มครองผู้ลงทุนรายย่อยในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงจึงเป็นการผสมผสานระหว่างการปรับปรุงกฎเกณฑ์ การสร้างกลไกทางการเงินเพื่อเยียวยาความเสียหาย และการเพิ่มบทบาทของผู้ให้บริการระบบ เพื่อให้การระดมทุนในรูปแบบนี้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ลดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มรายย่อยที่มีข้อจำกัดในการรับความเสี่ยง ทั้งนี้ หากข้อเสนอเหล่านี้ถูกนำไปปฏิบัติ จะช่วยยกระดับความปลอดภัยและความโปร่งใสในตลาดทุนรูปแบบใหม่ให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น