รายงานฉบับนี้สรุปผลการทบทวนประเด็นปัญหาจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบปัญหาและอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ที่ขัดขวางการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยแบ่งออกเป็น 7 กลุ่มหลัก ดังนี้
“เงินปันผล” คือผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นได้รับจากการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน เป็นสิทธิที่ชอบธรรมของผู้ลงทุน ซึ่งสะท้อนทั้งความมั่นคงทางการเงินของบริษัทและความคุ้มค่าในการถือครองหุ้นในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในระบบตลาดทุนไทยกลับมีเงินปันผลจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ถูกจ่ายถึงมือผู้ถือหุ้น ทั้งที่ได้มีการประกาศจ่ายไปแล้ว ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “เงินปันผลคงค้าง” (Unclaimed Dividends) อันเนื่องมาจากไม่สามารถติดตามผู้รับเงินได้
สาเหตุของเงินปันผลคงค้าง ปัญหานี้มีรากเหง้ามาจากหลายปัจจัย อาทิ การที่ผู้ถือหุ้นไม่ได้แจ้งอัปเดตข้อมูลบัญชีธนาคารต่อบริษัทจดทะเบียน หรือเปลี่ยนที่อยู่โดยไม่แจ้งให้บริษัทจดทะเบียนทราบ รวมถึงกรณีที่ผู้ถือหุ้นเสียชีวิตและไม่มีผู้รับมรดกกลับมาแสดงสิทธิ นอกจากนี้ การเลือกวิธีรับเงินปันผลแบบเช็คมีความเสี่ยงสูงต่อการตกหล่น แม้ระบบ e-Dividend จะถูกพัฒนาและรณรงค์ใช้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีผู้ลงทุนจำนวนหนึ่งที่ยังใช้วิธีการรับเงินปันผลผ่านช่องทางเก่า เช่น เช็คหรือตั๋วแลกเงิน ซึ่งมีโอกาสตกค้างได้ง่ายกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบที่ตามมา เงินปันผลคงค้างไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะต่อผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้รับเงินเท่านั้น หากแต่ยังสร้างภาระต่อบริษัทจดทะเบียนในการบริหารจัดการเงินที่ไม่สามารถเบิกจ่ายออกไปได้ ต้องแบกรับต้นทุนทางบัญชีใน การเก็บรักษาเอกสาร การตรวจสอบภายใน และความเสี่ยงด้านกฎหมายในระยะยาว นอกจากนี้ ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบตลาดทุน เพราะเงินจำนวนมากถูกกักไว้ในลักษณะ “ทรัพย์จม” (Idle Resources) ไม่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นการสูญเสียโอกาสทางการเงินทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค
รายงานการศึกษาดังกล่าวได้ให้ข้อเสนอเชิงนโยบายในการปรับระบบเพื่อปลดล็อกปัญหาดังกล่าว ดังนี้
ข้อเสนอเหล่านี้คาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุนในการบริหารจัดการให้แก่บริษัทจดทะเบียนได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านบาท และลดความซับซ้อนในการจัดทำบัญชี ตลอดจนเพิ่มความโปร่งใสให้กับระบบการจ่ายเงินปันผลโดยรวม
แม้เงินปันผลคงค้างจะดูเป็นปัญหาสำหรับคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่ก็สะท้อนถึงความไม่สมบูรณ์ของระบบตลาดทุนไทยในภาพรวม ดังนั้น การปรับปรุงระบบจัดการเงินปันผลคงค้างที่เหมาะสม นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้แก่บริษัทจดทะเบียนหรือหน่วยงานกำกับดูแลแล้ว ยังช่วยเพิ่ม “ความเป็นธรรม” ให้กับผู้ลงทุน และ “ความมั่นคง” ต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาวด้วย