รายงานฉบับนี้ได้ตรวจสอบปัญหาการฉ้อโกงการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยอาชญากรรมทางเศรษฐกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 150 ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา โดยการฉ้อโกงการลงทุนเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ผลกระทบทางการเงินจากการฉ้อโกงการลงทุนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า รายงานนี้มุ่งเน้นรูปแบบการฉ้อโกง 3 ประเภทหลักที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ (1) การกระทำอันไม่เป็นทำในตลาด (2) การทุจริตและการตกแต่งงบการเงิน (3) การหลอกลวงนักลงทุน
จากการศึกษาเชิงลึกพบประเด็นที่ต้องพัฒนาในทุกขั้นตอนของการคุ้มครองนักลงทุน ซึ่งสรุปได้ดังนี้:
การป้องกัน (Prevention): การยกระดับการกำกับดูแลตัวกลางทางการเงิน การคัดกรองผู้บริหาร และการเสริมสร้างความรู้ให้แก่นักลงทุน รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเครื่องมือคุ้มครอง
การตรวจจับ (Detection): การเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจติดตามธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ วิเคราะห์งบการเงิน ตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลของบริษัท และเพิ่มทรัพยากรสำหรับการสืบสวนสอบสวน
การบังคับใช้ (Enforcement): การปรับปรุงการประสานงานระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ลดความซ้ำซ้อนในการสืบสวนสอบสวน และเสริมกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงการกำหนดบทลงโทษที่มีผลในการป้องปรามการกระทำผิด
การเยียวยา (Recovery): การเร่งกระบวนการติดตามทรัพย์สิน ปรับปรุงอัตราการกู้คืนความเสียหาย และจัดตั้งกลไกการชดเชยนักลงทุนที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ประเทศไทยสามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งในการต่อต้านการฉ้อโกงผ่านการประยุกต์แนวทางจากต่างประเทศ ในด้านการป้องกัน ควรพิจารณานำแนวทางกฎหมายจากสหรัฐอเมริกา รวมถึงโครงการให้ความรู้แก่นักลงทุนและการมอบสิ่งจูงใจแก่ผู้แจ้งเบาะแสมาปรับใช้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ผู้ลงทุนและเพิ่มโอกาสในการเปิดเผยพฤติกรรมทุจริตตั้งแต่เนิ่น ๆ สำหรับด้านการตรวจจับ ประเทศไทยสามารถศึกษาแนวทางจากไต้หวันซึ่งใช้ระบบ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรม และจากสิงคโปร์ที่มีระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับความสามารถในการตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่วนในด้านการบังคับใช้กฎหมาย การปรับใช้แนวทางของมาเลเซียที่เน้นการแทรกแซงอย่างรวดเร็วและการเสริมสร้างธรรมาภิบาล รวมถึงการดำเนินงานแบบบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่พบในสิงคโปร์ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินคดีและสร้างความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมทางการเงินของไทยได้มากยิ่งขึ้น