ในปัจจุบัน แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยจะมีขนาดเล็กมาก (ระดับหมื่นล้านบาทต่อเดือน) เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (ระดับล้านล้านบาทต่อเดือน) แต่ตลาดมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยมีจำนวนผู้ถือคริปโตเคอร์เรนซีมากติดอันดับ 10 ของโลก
ผลการสำรวจความรู้ความเข้าใจเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนไทยจำนวนมากกว่า 3 พันคน พบว่า
1. ความรู้ความเข้าใจของนักลงทุนไทยอยู่ในระดับปานกลาง
2. ความสัมพันธ์ระหว่างความรู้กับการลงทุนเป็นไปในทิศทางบวก
3. การบริหารความเสี่ยงบางส่วนมีปัญหา
4. คนไทยไม่ได้เลือกช่องทางการซื้อขายจากสภาพคล่องและค่าธรรมเนียม
5. มากกว่า 35% มีการใช้แหล่งเงินลงทุนที่มาจากการกู้ยืม
6. มากกว่า 80% ของผู้ที่ไม่ได้ลงทุน มีแผน/อาจจะมีแผนลงทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้า
7. ส่วนใหญ่คิดว่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะดีขึ้นและสำคัญมากขึ้นในอนาคต
8. พบเห็นโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านบริษัทลงทุน และกองทุนรวมหรือบริษัท ETF
9. เหตุผลหลักที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คือ การเก็งกำไรระยะสั้น และต้องการกระจายความเสี่ยง
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมการลงทุนของคนไทยนั้นได้เปลี่ยนไปจากตลาดทุนดั้งเดิมบ้างแล้ว หากไม่สนับสนุนเครื่องมือการลงทุนใหม่ ๆ เงินลงทุนอาจไหลออกสู่ต่างประเทศได้ นานาประเทศได้มีการปรับตัวแข่งขันกันขึ้นเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัล สำหรับภูมิภาคเอเชีย สิงคโปร์และฮ่องกงต่างพัฒนานโยบายใหม่ ริเริ่มโครงการนำร่องเพื่อดึงตัวผู้พัฒนาและนักลงทุน ทั้งปัจจัยด้านการกำกับดูแล ภาษีแหล่งเงินทุน และความยากง่ายในการทำธุรกิจ ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วและตรงจุด และหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและโอกาสให้เจอ ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไปในซีรีส์ชุดนี้